คำถามเกี่ยวกับโรค
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : โรคปริทันต์ หรือ โรครำมะนาด
โรคปริทันต์ หรือ โรครำมะนาด (Periodontal Disease) คือ โรคอักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื่อทุกชนิดที่อยู่ล้อมรอบฟันซึ่งเรียกว่า เนื้อเยื่อปริทันต์ (ประกอบด้วย เหงือก เนื้อเยื่อเอ็นที่ยึดฟันให้ติดกับกระดูกเบ้าฟัน สารเคลือบรากฟัน และกระดูกกรามที่มีหน้าที่รองรับฟัน) ส่งผลให้เกิดปัญหาเหงือกอักเสบจนอาจถึงขั้นเป็นหนอง ฟันโยกคลอน ฟันหัก จนในที่สุดอาจลุกลามเป็นกระดูกกรามอักเสบติดเชื้อ
แบคทีเรียในช่องปากเป็นเชื้อหลักเกือบทั้งหมดที่ทำให้เกิดโรคปริทันต์ ทั้งนี้แบคทีเรียบางชนิดจะเจริญได้ดีในสภาพเป็นกรด ซึ่งอาหารที่บูดเน่าโดยเฉพาะแป้งและน้ำตาลเป็นอาหารกลุ่มที่จะทำให้เกิดกรดได้สูงเมื่อบูดเน่า อาหารบูดเน่าเหล่านี้เมื่อสะสมในช่องปากมักจะตกค้างอยู่ที่เนื้อเยื่อปริทันต์ ส่งผลให้เกิดเป็นคราบแบคทีเรียเกาะจับอยู่ตามเนื้อเยื่อเหล่านี้ที่เรียกว่า แผ่นคราบจุลินทรีย์ / ไบโอฟิล์ม / หินปูน / คราบหินปูน /หินน้ำลาย / plaque ที่ส่งผลก่อให้เนื้อเยื่อปริทันต์เกิดการอักเสบ
หากไม่ได้รับการรักษา จุลินทรีย์และคราบหินปูนจะค่อยๆ ทำลายเนื้อเยื่อปริทันต์ ฟัน และรากฟัน จนเกิดการหลุดร่วงของฟัน นอกจากนี้แบคทีเรียที่ก่อโรคปริทันต์นี้ ยังสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการอักเสบรุนแรงของโรคต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคข้อรูมาตอยด์ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคสมอง มะเร็งช่องปาก และสุขภาพมารดาขณะตั้งครรภ์ที่รวมถึงทารกในครรภ์
- เหงือก บวม แดง เลือดออกง่าย
- เหงือกร่นมาก มีร่องระหว่างเหงือกและฟัน/ซอกฟันหลวม เศษอาหารตกค้างง่าย
- มีกลิ่นปากเรื้อรัง
- เสียวฟันมากผิดปกติ
- ปวดฟันบ่อย ปวดฟัน เจ็บเหงือกผิดปกติเมื่อเคี้ยวของแข็ง
- ฟันแตกง่าย
- ปากคอแห้งมากเรื้อรัง โดยเฉพาะปากแห้งเหตุน้ำลายน้อย
- ฟันโยกคลอน
- ดูแลช่องปากและฟันตามคำแนะนำของทันตแพทย์ที่รวมถึงการใช้น้ำยาบ้วนปาก
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนทุกวัน ลดอาหารหวาน อาหารแป้ง และไม่กินจุบจิบโดยเฉพาะอาหารหวานและอาหารแป้ง
- รักษาความสะอาดช่องปากและฟันตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ซึ่งทั่วไปคือ แปรงฟันให้ถูกวิธี ร่วมกับใช้ไหมขัดฟัน
- เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
- เลิกสุรา ไม่ดื่มสุรา
- เมื่อมีผลข้างเคียงต่างๆ ที่เกิดกับช่องปากจากการใช้ยาต่างๆ เช่น ปากคอแห้งมาก ช่องปากเป็นแผลเรื้อรัง ต้องรีบพบแพทย์/ทันตแพทย์เสมอ เพื่อแพทย์พิจารณาปรับเปลี่ยนการใช้ยา และเพื่อการดูแลรักษาช่องปาก/ฟัน แต่เนิ่นๆ
- พบทันตแพทย์สม่ำเสมอทุก 6 เดือน หรือบ่อยตามทันตแพทย์นัด